เทคโนโลยีสารสนเทศ โครงสร้างพื้นฐาน ฐานข้อมูลและ ระบบข้อมูล
ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์
เป็นสิ่งที่ต้องป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์
พร้อมกับโปรแกรมที่นักคอมพิวเตอร์เขียนขึ้นเพื่อผลิตผลลัพธ์ที่ต้องการออกมา
ข้อมูลที่สามารถนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ มี
5 ประเภท คือ ข้อมูลตัวเลข (Numeric Data) ข้อมูลตัวอักษร (Text Data) ข้อมูลเสียง (Audio Data) ข้อมูลภาพ (Images Data) และข้อมูลภาพเคลื่อนไหว (Video Data)
ในการนำข้อมูลไปใช้นั้น เรามีระดับโครงสร้างของข้อมูลดังนี้
การวัดขนาดข้อมูล
ในการพิจารณาว่าข้อมูลใดมีขนาดมากน้อยเพียงไร เรามีหน่วยในการวัดขนาดของข้อมูล ดังต่อไปนี้
8 Bit = 1
Byte
1,024 Byte = 1
KB (กิโลไบต์)
1,024 KB = 1
MB (เมกกะไบต์)
1,024 MB = 1
GB (กิกะไบต์)
1,024 GB = 1TB
(เทระไบต์)
อุปสรรคในการจัดการแฟ้มข้อมุลแบบดั้งเดิม
·
ข้อมูลซ้ำซ้อนและไม่สอดคล้องกัน
·
ข้อมูลซ้ำซ้อนคือการมีข้อมูลซ้ำในไฟล์ข้อมูลหลายชุดเพื่อเก็บข้อมูลเดียวกันมากกว่าหนึ่ที่
·
ข้อมูลไม่สอดคล้องกันเป็นลักษณะเดียวกันอาจมี ค่าที่แตกต่างกันและยังนำโดยข้อมูลซ้ำซ้อน
ฐานข้อมูลและฐานข้อมูลระบบการจัดการ
(DBMS)
DBMS ย่อมาจาก Database
Management System
DB คือ Database หมายถึง ฐานข้อมูล
M คือ Management หมายถึง
การจัดการ
S คือ System หมายถึง ระบบ
DBMS คือ
ระบบการจัดการฐานข้อมูล หรือซอฟต์แวร์ที่ดูแลจัดการเกี่ยวกับฐานข้อมูล
โดยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทั้งในด้านการสร้าง การปรับปรุงแก้ไข
การเข้าถึงข้อมูล
และการจัดการเกี่ยวกับระบบแฟ้มข้อมูลทางกายภาพ
ภายในฐานข้อมูลซึ่งต่างไปจากระบบแฟ้มข้อมูลคือ
หน้าที่เหล่านี้จะเป็นของโปรแกรมเมอร์
ในการติดต่อฐานข้อมูลไม่ว่าจะด้วยการใช้คำสั่งในกลุ่ม DML หรือ DDL หรือ
จะด้วยโปรแกรมต่างๆ ทุกคำสั่งที่ใช้กระทำกับฐานข้อมูลจะถูกโปรแกรม DBMS นำมาแปล (Compile) เป็นการกระทำต่างๆภายใต้คำสั่งนั้นๆ
เพื่อนำไปกระทำกับตัวข้อมูลใน ฐานข้อมูลต่อไป
DBMS ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาด้าน
Data Independence ที่ไม่มีในระบบแฟ้มข้อมูล ทำให้มีความเป็นอิสระจากทั้งส่วนของฮาร์ดแวร์และข้อมูลภายในฐานข้อมูลกล่าวคือโปรแกรม
DBMS นี้จะมีการทำงานที่ไม่ขึ้นอยู่กับรูปแบบ (Platform)
ของตัวฮาร์ดแวร์ที่นำมาใช้กับระบบฐานข้อมูลรวมทั้งมีรูปแบบในการอ้างถึงข้อมูลที่ไม่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางกายภาพของข้อมูลด้วยการใช้
Query Language ในการติดต่อกับข้อมูลในฐานข้อมูลแทนคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่
3
ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลได้โดยไม่จำเป็นต้องทราบถึงประเภทหรือขนาดของข้อมูลนั้นหรือสามารถกำหนดลำดับที่ของฟิลด์
ในการกำหนดการแสดงผลได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงลำดับที่จริงของฟิลด์ นั้น
หน้าที่ของ DBMS
1.) ทำหน้าที่แปลงคำสั่งที่ใช้จัดการกับข้อมูลภายในฐานข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ข้อมูลเข้าใจ
2.) ทำหน้าที่ในการนำคำสั่งต่างๆ
ซึ่งได้รับการแปลแล้วไปสั่งให้ฐานข้อมูลทำงาน เช่น การเรียกใช้ข้อมูล (Retrieve)
การจัดเก็บข้อมูล (Update) การลบข้อมูล (Delete)
หรือ การเพิ่มข้อมูลเป็นต้น (Add) ฯลฯ
3.) ทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล
โดยจะคอยตรวจสอบว่าคำสั่งใดที่สามารถทำงานได้และคำสั่งใดที่ไม่สามารถทำได้
4.) ทำหน้าที่รักษาความสัมพันธ์ของข้อมูลภายในฐานข้อมูลให้มีความถูกต้องอยู่เสมอ
5.) ทำหน้าที่เก็บรายละเอียดต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในฐานข้อมูลไว้ใน data dictionary ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า
"ข้อมูลของข้อมูล" (Meta Data)
6.) ทำหน้าที่ควบคุมให้ฐานข้อมูลทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างพื้นฐานระบบธุรกิจอัจฉริยะ
ระบบธุรกิจอัจฉริยะ (BusinessIntelligence)
ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้การตัดสินใจขององค์กรเป็นไปอย่างมีระบบและเป็นแบบอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น
องค์ประกอบพื้นฐานหลัก 4 องค์ประกอบ คือ
1.ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database
Management Layer) จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการฐานข้อมูล
โดยข้อมูลต่างๆ ที่ถูกจัดเก็บอาจจะเป็นข้อมูลที่อยู่ภายในขององค์กรเอง (internal
Data) เช่น ข้อมูลการขาย ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ข้อมูลด้านการตลาด การผลิต
ข้อมูลพนักงาน และข้อมูลของสินค้าคงคลัง เป็นต้น หรืออาจจะเป็นข้อมูลที่เกิดการเชื่อมโยงกับข้อมูลภายนอก
(External Data) เช่น ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สังคม การจ้างงาน
2.ระบบของการวิเคราะห์ข้อมูล (Business
Analytics Layer) จะเกี่ยวข้องกับการสร้างแบบจำลอง
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับแบบจำลองเชิงปริมาณในรูปแบบต่างๆ เช่น
แบบจำลองทางการเงิน แบบจำลองในการพยากรณ์ แบบจำลองต้นไม้ตัดสินใจ
3. ระบบการจัดการประสิทธิภาพการดำเนินงานทางธุรกิจ (BPM: Business Performance Management Layer) จะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ
ที่ช่วยให้กระบวนการทางธุรกิจดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กร โดยจะร่วมรวมแนวคิดการบริหารจัดการองค์กรเข้าด้วยกัน
ทั้งในเรื่องของการกำหนดตัวชี้วัด (KPI: Key Performance Indicators) การประยุกต์นำระบบ Balance Scorecard, Six Sigma, หรือ
Lean Manufacturing เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการ
4.ระบบการเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface
Layer) จะเกี่ยวข้องกับการสื่อสารข้อมูลระหว่างระบบธุรกิจอัจฉริยะและผู้ใช้งาน
ส่วนของการเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานอาจจะอยู่ในรูปแบบของเว็บ (Web Browser) หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ (Mobile Applications) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง
Dashboard ที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ตัวชี้วัดต่างๆ
ที่จำเป็นต่อการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรมาไว้ในที่เดียวกัน
ทั้งในรูปแบบของกราฟ ตัวเลข หรือบทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ฐานข้อมูลและเว็บ
- หลายบริษัทใช้เว็บเพื่อทำข้อมูลบางอย่างในฐานข้อมูลภายในที่มีให้สำหรับลูกค้าและธุรกิจพาร์ทเนอร์
- สภาพแวดล้อมแบบไคลเอ็นต์,เซิร์ฟเวอร์ DBMS อาศัยอยู่โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลระบบการจัดการฐานข้อมูล (DBMS)ได้รับ SQL และให้ข้อมูลที่จำเป็น การย้าย Middlewareข้อมูลจากฐานข้อมูลภายในขององค์กรกลับไปที่เว็บเซิร์ฟเวอร์สำหรับการจัดส่งในรูปแบบของเว็บเพจให้กับผู้ใช้




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น